สถานะภาพคลื่นในทะเลตามเส้นทางการเดินเรือ ตั้งแต่ 07.00 น. 22 พฤศจิกายน 2565 ถึง 07.00 น. 23 พฤศจิกายน 2565 |
|||
|
Latitude-Longitude Map for Ocean Wave Forecasting Model Output |
||
บริเวณปลายแหลมญวนสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 1.0-2.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนบริเวณชายฝั่งจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด สภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นเล็กน้อย ลักษณะเป็นลูกยาวขึ้นและแตกเป็นฟองขาวบ่อยขึ้น และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 0.5 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 0.5-1.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนบริเวณชายฝั่งจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรีสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นเล็กน้อย ลักษณะเป็นลูกยาวขึ้นและแตกเป็นฟองขาวบ่อยขึ้น และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 0.5 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 0.5-1.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (ยกเว้นบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล คลื่นลมในบริเวณดังกล่าวอาจจะมีความสูงเพิ่มขึ้น และมีลมพัดแรงมาก) |
|||
อ่าวไทยบริเวณตอนบนสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 1.0-2.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนอ่าวไทยบริเวณตอนสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0-2.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 2.0-3.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (ยกเว้นบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล คลื่นลมในบริเวณดังกล่าวอาจจะมีความสูงเพิ่มขึ้น และมีลมพัดแรงมาก) |
|||
บริเวณชายฝั่งจังหวัดระนอง และพังงา และภูเก็ตสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นเล็กน้อย ลักษณะเป็นลูกยาวขึ้นและแตกเป็นฟองขาวบ่อยขึ้น และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 0.5-1.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 1.0-2.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนบริเวณชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูลสภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0-2.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 2.0-3.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (ยกเว้นบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล คลื่นลมในบริเวณดังกล่าวอาจจะมีความสูงเพิ่มขึ้น และมีลมพัดแรงมาก) หมายเหตุ:ความสูงของคลื่นจริงขึ้นอยู่กับสภาพเดิมของคลื่นในทะเลด้วย |
|||
สภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0-2.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 2.0-3.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (ยกเว้นบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล คลื่นลมในบริเวณดังกล่าวอาจจะมีความสูงเพิ่มขึ้น และมีลมพัดแรงมาก) หมายเหตุ:ความสูงของคลื่นจริงขึ้นอยู่กับสภาพเดิมของคลื่นในทะเลด้วย |
|||
สภาพคลื่นลมทะเลมีคลื่นปานกลาง ลักษณะเป็นลูกยาว ๆ ชัดเจน แตกเป็นฟองขาวมากขึ้น ซึ่งอาจมีฝอยได้บ้าง และมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ความสูงคลื่นนัยสำคัญประมาณ 1.0-2.0 เมตร และอาจมีความสูงคลื่นสูงสุดประมาณ 2.0-3.0 เมตร โดยคลื่นสูงสุดจะพบได้ราวร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (ยกเว้นบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล คลื่นลมในบริเวณดังกล่าวอาจจะมีความสูงเพิ่มขึ้น และมีลมพัดแรงมาก) หมายเหตุ:ความสูงของคลื่นจริงขึ้นอยู่กับสภาพเดิมของคลื่นในทะเลด้วย |
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
นายอนุชา ศรีเริงหล้านักอุตุนิยมวิทยาปฏิบัติการ
นายภาวัช ศิริโยธา นักอุตุนิยมวิทยาปฏิบัติการ
เว็บไซต์นี้ใช้ประกอบ รายงานผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองตัวชี้วัดในรอบ 12 เดือน
ผู้เข้าใช้บริการ ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2555 จนถึงปัจจุบัน
Copyright
2009 by Thai Marine Meteorological Center, All Rights Reserved.
For More Info
rmation.
Please Contact watt_kan@hot
mail.com
, or watt_kan@yahoo.com